ยะซีด บุตร มุอาวิยะฮ์ ทำลาย“บัยตุลลอฮ์” (3 อาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดของยะซีด)

1903

ยะซีด บุตรของมุอาวิยะฮ์ ในระยะเวลาเพียงสามปีของการเป็นผู้ปกครอง (คิลาฟะฮ์) ของตน ได้ก่ออาชญากรรมที่ร้ายแรงไว้หลายอย่าง เช่น “การสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) จนเป็นชะฮีด” “เหตุการณ์ฮัรเราะฮ์” และ “การเผาบัยตุลลอฮ์” คือส่วนหนึ่งจากอาชญากรรมที่ร้ายแรงที่สุดของเขา และวันนี้ชาววะฮ์ฮาบีและกลุ่มไอซิส ด้วยกับการปฏิบัติตามแนวคิดของเขาได้ทำการเข่นฆ่าชาวมุสลิมอย่างโหดร้ายป่าเถื่อน

มุอาวิยะฮ์ได้ปฏิบัติตรงข้ามกับสนธิสัญญาสงบศึกที่เขาได้กระทำไว้กับท่านอิมามฮะซัน มุจญ์ตะบา (อ.) ที่ว่าเขาจะต้องไม่กำหนดตัวผู้สืบทอดอำนาจของตนเอง แต่แล้วเขากลับมอบหมายตำแหน่งผู้ปกครอง (คอลีฟะฮ์) ให้กับยะซีด บุตรชายของตน ด้วยเหตุนี้เองภายหลังจากการตายของมุอาวิยะฮ์ ยะซีดจึงได้ขึ้นสู่อำนาจการปกครอง แม้การปกครอง (คิลาฟะฮ์) ของเขาจะมีระยะเวลาแค่เพียงสามปีเท่านั้นก็ตาม แต่ในระยะเวลาที่แสนสั้นนี้ เขาได้ก่ออาชญากรรมต่างๆที่ใหญ่หลวงไว้ โดยที่ประวัติศาสตร์ไม่มีวันที่จะลืมเลือนมันได้เลย

ในบทความนี้จะขอชี้ให้เห็นเฉพาะอาชญากรรมที่สำคัญบางอย่างของเขาเพียงเท่านั้น โดยที่จะข้ามผ่านอาชญากรรมอื่น ๆ และลักษณะส่วนบุคคลของเขาไป อย่างเช่น การใช้ชีวิตอย่างเสเพล การดื่มสุราเมรัย การเล่นการพนัน การเลี้ยงและเล่นกับสุนัขและอื่น ๆ

หนึ่งในอาชญากรรมที่สำคัญที่สุดของเขา คือ การสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) และบรรดาสหายผู้ช่วยเหลือที่ซื่อสัตย์ของท่านในแผ่นดินกัรบะลาอฺ อาชญากรรมดังกล่าวนี้ได้ทำให้ยะซีดกลายเป็นโฉมหน้าที่ถูกเกลียดชังมากที่สุดในหมู่ชาวชีอะฮ์ เขาไม่ได้หยุดยั้งอยู่แค่เพียงการสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) หลานรักของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) จนเป็นชะฮีดเพียงเท่านั้น ทว่าเขายังได้ควบคุมตัวของอะฮ์ลุลบัยติ์ (ครอบครัว) ของท่านอิมาม (อ.) ไว้เป็นเชลยศึกอีกด้วย [1]

คำถามก็คือว่า หากเขาถือว่าท่านอิมามฮุเซน (อ.) คืออุปสรรค์ขวากหนามต่ออำนาจการปกครองของเขา ด้วยกับการเป็นชะฮีด (เสียชีวิต) ของท่านอิมาม (อ.) อุปสรรคขวากหนามดังกล่าวก็หมดไปแล้ว ดังนั้นทำไมเขาจึงต้องควบคุมตัวอะฮ์ลุลบัยติ์ (ครอบครัว) ของท่านอิมาม (อ.) ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อขัยของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) และท่านหญิงฟาฏิมะฮ์ (อ.) ไว้เป็นเชลยศึกด้วย ?

อาชญากรรมที่ใหญ่หลวงอีกประการหนึ่งที่ยะซีดได้ก่อขึ้น ก็คือเหตุการณ์ “ฮัรเราะฮ์” ที่นำไปสู่การถูกเข่นฆ่าสังหารของชาวมุสลิมจำนวนมาก ในเหตุการณ์นี้ในช่วงเริ่มแรกนั้น บรรดาทหารของยะซีดได้บุกโจมตีเมืองมะดีนะฮ์ และหลังจากทำลายเกียรติและความศักดิ์สิทธิ์ของเมืองของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) แล้ว พวกเขาได้ก่ออาชญากรรมต่างๆ [2] ที่ปากกาละอายที่จะเขียนอธิบายรายละเอียดเกี่ยวกับมัน

ตามบันทึกของหนังสืออ้างอิงต่างๆ ของชาวอะฮ์ลิซซุนนะฮ์เอง ได้กล่าวว่า บรรดาทหารของยะซีดได้พิชิตนครมะดีนะฮ์ และได้ทำการข่มขืนล่วงละเมิดทางเพศบรรดาสตรีและเด็กสาวชาวมุสลิม โดยที่หลังจากเหตุการณ์ผ่านไปไม่ถึงหนึ่งปีทำให้มีเด็กทารกจำนวนนับพันคนถือกำเนิดขึ้นมา โดยไม่รู้ว่าบิดาของพวกเขาคือใคร [3]

อีกอาชญากรรมหนึ่งของยะซีด บุตรของมุอาวิยะฮ์ คือ “การเผาบัยตุลลอฮ์” (บ้านของพระผู้เป็นเจ้า) กองทัพของเขาภายใต้การบัญชาการรบของหุศ็อยน์ บินนุมัยร์ ได้โจมตีนครมักกะฮ์ และได้เผาอาคารบัยตุลลอฮ์ โดยการยิงลูกไฟเข้าไปยังมัน [4]

วันนี้ยะซีดและแนวคิดแบบยะซีดได้ปรากฏรูปโฉมขึ้นใหม่ภายใต้เสื้อคลุมวะฮ์ฮาบีและกลุ่มไอซิส และด้วยกับการปฏิบัติตามแบบอย่างของยะซีดและมุอาวิยะฮ์ พวกเขาจะหลั่งเลือดและสังหารทุกบุคคลที่รักและปฏิบัติตามแนวทางของท่านอิมามอะลี บินอบีฏอลิบ (อ.)

หากในอดีตมุอาวิยะฮ์ได้ละเมิดเนื้อหาของสนธิสัญญาสงบศึกที่ทำไว้กับท่านอิมามฮะซัน (อ.) และได้เข่นฆ่าสังหารฮุจร์ บินอะดีย์ อัลกินดีย์ และบรรดาสหายของเขา ด้วยข้อหาที่มอบความรักต่อท่านอิมามอะลี (อ.) จนเป็นชะฮีด แต่ในวันนี้ลูกหลานของเขาที่อยู่ในซีเรีย ได้ขุดทำลายหลุมฝังศพของบรรดาซอฮาบะฮ์ผู้มีเกียรติเหล่านี้

และหากในอดีต ยะซีดผู้เป็นอาชญากร ได้เข่นฆ่าสังหารท่านอิมามฮุเซน (อ.) และลูกหลานของท่านศาสดา (ซ็อลฯ) วันนี้บรรดาชาวชีอะฮ์และบรรดาผู้ที่ไว้อาลัยต่อโศกนาฏกรรมที่เกิดขึ้นกับท่านอิมามฮุเซน (อ.) ก็ต้องมาถูกเข่นฆ่าจนเป็นชะฮีดโดยน้ำมือของกลุ่มดาอิช (ISIS) กลุ่มก่อการร้ายดาอิช (ISIS) ได้ประกาศซ้ำหลายต่อหลายครั้งว่า “เราเป็นผู้ปฏิบัติตามแนวทางของยะซีด และศัตรูของเราคือฮุเซน บุตรของอะลี” พวกเขาได้ปิดกั้นแหล่งน้ำต่อพลเมืองชาวชีอะฮ์ ในซีเรียและในอิรักเหมือนกับยะซีด เพื่อว่าด้วยกับการกระทำเช่นนี้พวกเขาจะประกาศความจงรักภักดีของตนเองต่อยะซีด อย่างไรก็ตามเช่นเดียวกับที่ยะซีดได้กลายเป็นโฉมหน้าที่ถูกเกลียดชังมากที่สุดในหน้าประวัติศาสตร์สำหรับชาวชีอะฮ์ และวันนี้เขาจะไม่ถูกเอ่ยขานนอกเสียจากด้วยกับการสาปแช่งและการประณาม บรรดาผู้ดำเนินรอยตามเขาในวันนี้ก็เช่นเดียวกัน เป็นผู้ที่ถูกชิงชังมากที่สุด และพวกเขาจะต้องพบกับความอัปยศอดสูเช่นเดียวกับยะซีดผู้เป็นบรรพบุรุษของพวกเขา

ยาซีดทำลายวิหารกะอ์บะฮ์ กิบลัตของมุสลิม จริงหรือ ?

عَنْ عَطَاء قَالَ : لَمَّا احْتَرَقَ الْبَيْتُ زَمَنَ يَزِيْدِ بْنِ مُعَاوِيَّة حِيْنَ غَزَاهَا أَهْلُ الشَّامِ

ท่านอะตออ์เล่าว่า : บัยตุลเลาะฮ์(บ้านของอัลลอฮ์) ถูกไฟเผาไหม้ในสมัยของยาซีด บุตรมุอาวียะฮ์ ตอนที่ชาวเมืองช่ามยกทัพมารบกับชาวเมืองมักกะฮ์

สถานะหะดีษ : ซอฮิ๊อ์ ดูซิลซิละตุซ – ซอฮีฮะฮ์ เล่ม 1 : 42 หะดีษที่ 4

ตรวจทานโดยเชคอัลบานี

คำถามคือ ยาซีดผู้เป็นคอลีฟะฮืของพวกท่านคนหนึ่ง ได้ส่งกองทัพช่ามไปรบกับชาวเมืองมักกะฮ์และยิงลูกปืนไฟใส่กะอ์บะฮ์ จนถล่มลงมากองกับพื้น ตามหลักอิสลามถือว่า ยาซีดมีความผิดหรือไม่ ?

แหล่งอ้างอิง

[1]- อัลกามิล ฟิตตารีค , อิบนุอะซีร , แปลโดย อบุลกอซิม ฮาลัต และอับบาส ค่อลีลี , เล่มที่ 11 , หน้าที่ 148 – 205

[2]- ตารีค ยะอ์กูบี , เล่มที่ 2 , หน้าที่ 190

[3]- ตารีค อัลอุมัม วัลมุลูก , อัฏฏอบะรี , เล่มที่ 4 , หน้าที่ 370 – 381

[4]- ฟุตูหุลบุลดาน , อะห์มัด บินยะห์ยา บะลาซุรี , หน้าที่ 68

อ้างอิงจาก islamicstudiesth .com