บทกวีที่แสดงความเป็นกาเฟรของ ยะซีด บิน มุอาวียะฮฺ

537

บทกวีที่แสดงความเป็นกาเฟรของ ยะซีด บิน มุอาวียะฮฺ

ตะวันน้อยราศีสถิตที่ก้นโอ่งเหล้า

บูรพาทิศคือผู้ชงประจิมทิศนั้นปากข้า

แม้นสุราเป็นที่ต้องห้ามวันหนึ่งในศาสนา อะฮฺมัด

ก็จงดื่มมันตามศาสนาของมะซีฮฺ บุตรมัรยัม

ยะซีดยังกล่าวอีกว่า

ข้ากล่าวแก้วสุรารวมมิตรสหาย

และปล่อยให้อารมณ์ใคร่นั้นขับร้อง

จงตักตวงความสำราญและความโอชา

เพราะทุกชีวาแม้กาลจะยาวนานก็ต้องดับสูญ

ในบทกวีดังกล่าวยะซีดได้ชักชวนให้คนดื่มสุราและตักตวงความสุขสำราญ ด้วยการดื่มเหล้า และปฏิเสธการมีของวันปรโลก

ยังมีบทกวีของยะซีดที่บ่งให้เห็นว่าเขาปฏิเสธวันอาคิเราะฮฺ ดังที่รายงานโดยอะบุลฟะร็อจ อิบนุลเญาซีย์ ในหนังสือ “อัรร็อด อะลา อัลมุตะอัศศิบ อัลอะนีด อัลมานิอฺ อัน ละอฺนิ ยะซีด ละอะนะฮู อัลลอฮฺ” (การตอบโต้ผู้คลั่งดื้อรั้นที่ห้ามไม่ให้สาปแช่งยะซีด ขอให้อัลลอฮฺสาปแช่งเขา)

อะลียะฮฺมานี่หน่อยมาร้องเพลง

เพราะฉันไม่ชอบเก็บความลับ

แท้จริงสิ่งที่เธอเล่ามาเรื่องที่เราจะฟื้นคืนชีพ

เป็นเรื่องงมงายที่ปล่อยให้หัวใจหลงลืม

ยะซีดกล่าวอีกว่า

โอ้เหล่าสหายวงสุราลุกขึ้นเถิด

เพื่อฟังเสียงเพลง

และจงดื่มสุราในแก้ว

และจงละทิ้งการรำลึกถึงความหมาย

เสียงบรรเลงของพิณทำให้ฉันร่าเริง

หลงลืมเสียงอาซาน

และฉันถูกสับเปลี่ยนนางสวรรค์

เป็นยายเฒ่าในโอ่งสุรา

สิ่งที่เป็นหลักฐานชัดแจ้งว่ายะซีดเป็นกาฟิรตกศาสนาก็คือบทกวีไร้อีมาน ที่กล่าวหลังจากฮุเซนถูกสังหาร ซับฏ อิบนุลเญาซีย์ในหนังสือ อัตตัซกิเราะฮฺ หน้า 148 กล่าวว่า เมื่ออะฮฺลุลบัยตฺถูกจับนำเข้าซีเรีย ยะซีดนั่งอยู่ในตำหนักที่อยู่เหนือเนินญีรูน เขากล่าวบทกวีขึ้นว่า

เมื่อเหล่าศีรษะปรากฏและเหล่าอาทิตย์

ส่องแสงเหนือเหล่าเนินแห่งญีรูน

กาดำร้องข้าจึงกล่าวร้องไห้หรือไม่ร้องไห้

ข้าก็ได้เอาหนี้คืนจากนบีนั้นแล้ว

อีกหลักฐานหนึ่งที่ว่ายะซีดเป็นกาฟิร -ขอให้อัลลอฮฺทรงสาปแช่งเขา- ก็คือ บรรดานักประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องที่ยะซีดได้:จัดงานเฉลิมฉลองการฆาตกรรมฮุเซน ซึ่งเขาได้เชิญแกนนำของชาวยิวและคริสเตียนมาร่วมงานด้วย โดยได้เอาศีรษะของฮุเซนตั้งข้างหน้า แล้วกล่าวบทกวีว่า

แม้นเหล่าบรรพบุรุษข้าในบะดัรได้มาเห็น

ความหวาดผวาของเผ่าคอซร็อจจากสงครามอัลอะซัล

พวกเขาคงกู่ตระโกนด้วยความร่าเริง

และกล่าวว่า”โอ้ยะซีดขอให้อย่าพลาดมือ”(1)

เราได้ เข่นฆ่านายใหญ่ของพวกเขา

เปรียบเทียบกับวันบะดัรแล้วมันก็เท่าเทียมกัน

วงศ์ฮาชิมเล่นบทกษัตริย์

แท้จริงไม่มีข่าวคราวมาและไม่มีการวิวรณ์ประทานลง

ข้าจะไม่ใช่พวกคินดิฟหากข้ามิได้แก้แค้น

วงศ์วานอะฮฺมัดเนื่องจากสิ่งที่เขาทำไป

เราได้แก้แค้นอะลีแล้ว

และเราได้ฆ่าอัศวินสิงห์ผู้กล้าหาญ

บทกวีบทที่สอง(วรรคที่ 3 และ 4)และบทสุดท้าย(วรรคที่ 11 และ 12)เป็นของยะซีดเอง

บรรดานักประวัติศาสตร์ของท่านเช่น อะบุลฟะร็อจ อิบนุลเญาซีย์, เชค อับดุลลอฮฺ บินมุฮัมมัด บินอามิร อัชชิบรอวีย์ ในหนังสือ “อัลอิตฮาฟ บิ ฮุบ อัลอัชรอฟ” หน้า 18, คอฏีบ อัลคอวาริซมีย์ ในตอนที่ 2 ของหนังสือของเขาที่ชื่อว่า “มักตัล อัลฮุเซน” (การฆาตกรรมฮุเซน) ได้ระบุว่า ยะซีด ขออัลลอฮฺทรงสาปแช่งเขา ได้ตีใบหน้าของฮุเซนด้วยคฑา พลางเอื้อนร้องบทกวีดังกล่าว”