บทกวีที่แสดงความเป็นกาเฟรของ ยะซีด บิน มุอาวียะฮฺ
ตะวันน้อยราศีสถิตที่ก้นโอ่งเหล้า
บูรพาทิศคือผู้ชงประจิมทิศนั้นปากข้า
แม้นสุราเป็นที่ต้องห้ามวันหนึ่งในศาสนา อะฮฺมัด
ก็จงดื่มมันตามศาสนาของมะซีฮฺ บุตรมัรยัม
ยะซีดยังกล่าวอีกว่า
ข้ากล่าวแก้วสุรารวมมิตรสหาย
และปล่อยให้อารมณ์ใคร่นั้นขับร้อง
จงตักตวงความสำราญและความโอชา
เพราะทุกชีวาแม้กาลจะยาวนานก็ต้องดับสูญ
ในบทกวีดังกล่าวยะซีดได้ชักชวนให้คนดื่มสุราและตักตวงความสุขสำราญ ด้วยการดื่มเหล้า และปฏิเสธการมีของวันปรโลก
ยังมีบทกวีของยะซีดที่บ่งให้เห็นว่าเขาปฏิเสธวันอาคิเราะฮฺ ดังที่รายงานโดยอะบุลฟะร็อจ อิบนุลเญาซีย์ ในหนังสือ “อัรร็อด อะลา อัลมุตะอัศศิบ อัลอะนีด อัลมานิอฺ อัน ละอฺนิ ยะซีด ละอะนะฮู อัลลอฮฺ” (การตอบโต้ผู้คลั่งดื้อรั้นที่ห้ามไม่ให้สาปแช่งยะซีด ขอให้อัลลอฮฺสาปแช่งเขา)
อะลียะฮฺมานี่หน่อยมาร้องเพลง
เพราะฉันไม่ชอบเก็บความลับ
แท้จริงสิ่งที่เธอเล่ามาเรื่องที่เราจะฟื้นคืนชีพ
เป็นเรื่องงมงายที่ปล่อยให้หัวใจหลงลืม
ยะซีดกล่าวอีกว่า
โอ้เหล่าสหายวงสุราลุกขึ้นเถิด
เพื่อฟังเสียงเพลง
และจงดื่มสุราในแก้ว
และจงละทิ้งการรำลึกถึงความหมาย
เสียงบรรเลงของพิณทำให้ฉันร่าเริง
หลงลืมเสียงอาซาน
และฉันถูกสับเปลี่ยนนางสวรรค์
เป็นยายเฒ่าในโอ่งสุรา
สิ่งที่เป็นหลักฐานชัดแจ้งว่ายะซีดเป็นกาฟิรตกศาสนาก็คือบทกวีไร้อีมาน ที่กล่าวหลังจากฮุเซนถูกสังหาร ซับฏ อิบนุลเญาซีย์ในหนังสือ อัตตัซกิเราะฮฺ หน้า 148 กล่าวว่า เมื่ออะฮฺลุลบัยตฺถูกจับนำเข้าซีเรีย ยะซีดนั่งอยู่ในตำหนักที่อยู่เหนือเนินญีรูน เขากล่าวบทกวีขึ้นว่า
เมื่อเหล่าศีรษะปรากฏและเหล่าอาทิตย์
ส่องแสงเหนือเหล่าเนินแห่งญีรูน
กาดำร้องข้าจึงกล่าวร้องไห้หรือไม่ร้องไห้
ข้าก็ได้เอาหนี้คืนจากนบีนั้นแล้ว
อีกหลักฐานหนึ่งที่ว่ายะซีดเป็นกาฟิร -ขอให้อัลลอฮฺทรงสาปแช่งเขา- ก็คือ บรรดานักประวัติศาสตร์ได้บันทึกเรื่องที่ยะซีดได้:จัดงานเฉลิมฉลองการฆาตกรรมฮุเซน ซึ่งเขาได้เชิญแกนนำของชาวยิวและคริสเตียนมาร่วมงานด้วย โดยได้เอาศีรษะของฮุเซนตั้งข้างหน้า แล้วกล่าวบทกวีว่า
แม้นเหล่าบรรพบุรุษข้าในบะดัรได้มาเห็น
ความหวาดผวาของเผ่าคอซร็อจจากสงครามอัลอะซัล
พวกเขาคงกู่ตระโกนด้วยความร่าเริง
และกล่าวว่า”โอ้ยะซีดขอให้อย่าพลาดมือ”(1)
เราได้ เข่นฆ่านายใหญ่ของพวกเขา
เปรียบเทียบกับวันบะดัรแล้วมันก็เท่าเทียมกัน
วงศ์ฮาชิมเล่นบทกษัตริย์
แท้จริงไม่มีข่าวคราวมาและไม่มีการวิวรณ์ประทานลง
ข้าจะไม่ใช่พวกคินดิฟหากข้ามิได้แก้แค้น
วงศ์วานอะฮฺมัดเนื่องจากสิ่งที่เขาทำไป
เราได้แก้แค้นอะลีแล้ว
และเราได้ฆ่าอัศวินสิงห์ผู้กล้าหาญ
บทกวีบทที่สอง(วรรคที่ 3 และ 4)และบทสุดท้าย(วรรคที่ 11 และ 12)เป็นของยะซีดเอง
บรรดานักประวัติศาสตร์ของท่านเช่น อะบุลฟะร็อจ อิบนุลเญาซีย์, เชค อับดุลลอฮฺ บินมุฮัมมัด บินอามิร อัชชิบรอวีย์ ในหนังสือ “อัลอิตฮาฟ บิ ฮุบ อัลอัชรอฟ” หน้า 18, คอฏีบ อัลคอวาริซมีย์ ในตอนที่ 2 ของหนังสือของเขาที่ชื่อว่า “มักตัล อัลฮุเซน” (การฆาตกรรมฮุเซน) ได้ระบุว่า ยะซีด ขออัลลอฮฺทรงสาปแช่งเขา ได้ตีใบหน้าของฮุเซนด้วยคฑา พลางเอื้อนร้องบทกวีดังกล่าว”