ผู้นำสูงสุดอิหร่าน : ท่านศาสดาผู้ทรงยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม คือ อัลกุรอานที่เดินได้

12

บรรดาเจ้าหน้าที่รัฐ และบรรดาแขกผู้เข้าร่วมในการสัมมนาสัปดาห์แห่งเอกภาพอิสลาม ทุตานุทูตประเทศอิสลามและประชาชนในทุกภาคส่วนจำนวนหนึ่งได้เข้าพบปะกับท่านผู้สูงสุดการปฏิวัติอิสลาม อยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี โดยท่านผู้นำถือว่า สาเหตุของความโศกเศร้าของโลกอิสลามในวันนี้ โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่เลวร้ายในปาเลสไตน์ เนื่องจากความอ่อนแอในการสร้างเอกภาพระหว่างอิสลามด้วยกัน และท่านผู้นำยังได้เน้นว่า การกำจัดอิสราเอล หมายถึง การกำจัดระบอบการปกครองจอมปลอมของรัฐเถื่อนไซออนิสต์และการจัดตั้งรัฐบาลที่ประชาชนชาวปาเลสไตน์เป็นผู้เลือกด้วยตัวของพวกเขาเอง ไม่ว่า เขาจะเป็นชาวมุสลิม คริสต์ หรือชาวยิวก็ตาม โดยท่านผู้นำได้ตั้งข้อสังเกตว่า “เหล่าศัตรูของอิสลาม โดยมีแกนนำหลัก คือ สหรัฐนั้นได้ต่อต้านกับหลักการอิสลามและประเทศทั้งหมดของอิสลาม ซึ่งอาวุธหลักของพวกเขาในภูมิภาคของเรา(ตะวันออกกลาง) ก็คือ การแทรกซึมในศูนย์กลางต่างๆที่มีความสำคัญในการตัดสินใจ การสร้างความแตกแยกให้เกิดขึ้นกับประชาชาติทั้งหลาย และการเสนอให้ยอมรับต่อสหรัฐ ถือว่าเป็นวิธีการในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ซึ่งวิธีการเยียวยาในแผนการเหล่านี้ คือ การสร้างความกระจ่างชัดและการยืนหยัดในแนวทางที่เป็นสัจธรรม”

ท่านอยาตุลลอฮ์ คาเมเนอี ยังได้กล่าวแสดงความยินดีเนื่องในวโรกาสวันประสูติของท่านศาสดา ผู้ทรงเกียรติแห่งอิสลาม (ศ็อลฯ)และท่านอิมามญะอ์ฟัร ศอดิก (อ) โดยท่านถือว่า ท่านศาสดา ผู้ทรงยิ่งใหญ่แห่งอิสลาม คือ อัลกุรอานที่เดินได้ เป็นสิ่งถูกสร้างที่สูงส่งและยิ่งใหญ่ที่สุดของพระผู้เป็นเจ้า และเป็นรัศมีอันเจิดจรัส เป็นสื่อกลางในการดำรงชีพและเป็นแสงสว่างให้กับสังคมแห่งมวลมนุษยชาติ โดยท่านผู้นำ ยังกล่าวอีกว่า มนุษย์ทั้งหลายจะเข้าใจในความจริงเหล่านี้ และเราหวังเป็นอย่างยิ่งว่า เราจะได้เห็นในวันที่โลกอิสลามนั้นมีความปลื้มปิติยินดี เนื่องในสัปดาห์แห่งวันประสูติของท่านศาสดา และจะไม่มีความทุกข์เศร้าระทมอีกต่อไป

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ยังได้ชี้ถึงการสถาปนาสัปดาห์เอกภาพในสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน ในช่วงวันที่ 12 ถึง 17 เดือนรอบีอุลเอาวัล ว่า เป็นการสร้างความเป็นเอกภาพที่มิใช่การขับเคลื่อนทางการเมืองและเชิงกลยุทธ์ แต่เป็นการสร้างเอกภาพของประชาชาติอิสลาม ด้วยกับความศรัทธาและการมีความเชื่อด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ โดยท่านผู้นำ กล่าวเสริมว่า ความศรัทธานี้นั้นมีรากฐาน แม้แต่ก่อนการสถาปนาสาธารณรัฐอิสลามแห่งอิหร่าน บุคคลที่สนับสนุนแนวคิดนี้ ก็คือ ท่านอยาตุลลอฮ์ บุรุจญิรดี ท่านมัรญิอ์ผู้ยิ่งใหญ่ของชีอะฮ์ในยุคสมัยนั้น

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า ระดับขั้นที่ต่ำที่สุดและเป็นก้าวแรกของความเป็นเอกภาพของโลกอิสลาม คือ การออกห่างจากการละเมิดและการสร้างความเสียหายในสังคม รัฐบาล ชาติพันธุ์ และสำนักคิดต่างๆ ของอิสลาม โดยท่านกล่าวว่า “ในระดับขั้นที่สูงกว่า ประเทศทั้งหลายของอิสลามนั้น จะต้องให้ร่วมมือด้วยกันทั้งทางด้านความรู้ ความมั่งคั่ง ความมั่นคงและการมีอำนาจทางการเมืองเพื่อที่จะทำให้อารยธรรมใหม่ของอิสลามนั้นเกิดขึ้น และความพยายามที่จะทำให้สาธารณรัฐอิสลามได้ไปถึงยังจุดนี้ กล่าวคือ การไปถึงยังอารยธรรมใหม่ของอิสลาม ซึ่งถือว่าเป็นเป้าหมายสุดท้าย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า วิธีการในการเผชิญหน้ากับเหล่าศัตรู คือ การปฏิบัติตามพระบัญชาของพระเจ้า กล่าวคือ การยืนหยัดบนเส้นทางแห่งสัจธรรม โดยท่านผู้นำได้กล่าวเสริมว่า “แต่ทว่าในการยืนหยัดนี้ก็มีความยากลำบากด้วยเช่นกัน แต่การมีความอดทนต่อความยากลำบากเหล่านี้ คือ การปฏิบัติการกระทำที่ดีและแน่นอนว่า พระเจ้าทรงประทานรางวัลตอบแทนให้อย่างแน่นอน ขณะเดียวกัน การยอมรับศัตรูก็จะเกิดความยากลำบากที่มากกว่าอีก และพระองค์ก็จะทรงลงโทษต่อผู้ที่ยอมรับในความฉ้อฉลอีกด้วย”

ท่านผู้นำสูงสุดการปฏิวัติอิสลาม ถือว่า หน้าที่ของบรรดาปัญญาชนและนักวิชาการของโลกอิสลาม นั้นมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง โดยท่านได้เน้นว่า “พวกท่านนั้น จะต้องปกป้องสิทธิอันชอบธรรมของพวกท่านและอย่าได้หวาดกลัวต่อศัตรูเป็นอันขาด และจงรู้ไว้เถิดว่า พวกท่านจะเห็นโลกอิสลามที่เต็มไปด้วยกับความหวังอันสว่างไสว ซึ่งด้วยกับพระมหากรุณาธิคุณของพระผู้เป็นเจ้า ในอนาคตที่ไม่ไกลไปจากนี้อย่างแน่นอน

(ส่วนหนึ่งจากคำปราศรัยของท่านผู้นำสูงสุด ในวันประสูติของท่านนบี(ศ) 15 พฤศจิกายน 2562 )