ร่องรอย บ้านเกิดของท่านหญิงมารียะฮ์ อัลกิบฏียะฮฺ ภรรยาท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) (รายงานภาพ)

880

fa.abna24 – สื่ออาหรับมีการตีพิมพ์ภาพร่องรอยแห่งประวัติศาสตร์บ้านเกิดของ ท่านหญิงมารียะฮ์ อัลกิบฏียะฮฺ ภรรยาท่านนบี(ซล)ในอียิปต์

ท่านหญิงมารียะฮฺ บุตรของ ชัมอูน ซึ่งเป็นที่รู้จักในนาม มารียะฮฺ อัลกิบฏียะฮฺ เป็นหนึ่งในภรรยาของท่านนบีมุฮัมมัด(ซล) และเป็นมารดาของอิบรอฮีม บุตรชายของท่านศาสดา ซึ่งนางถือกำเนิดในหมู่บ้าน ฮัฟน์ ในเขตพื้นที่ อันศอนา อียิปต์

ท่านหญิงมารียะฮฺ เป็นหนึ่งในสตรีที่ศอและหฺ นอบน้อมถ่อมตน และคู่ควรในการเป็นภรรยาของท่านนบี และเป็นหนึ่งในภรรยาที่ท่านนบีรัก

พระนางมารียะฮ์ เป็นแม่ของอิบรอฮีมบุตรท่านนบี (ซล) นางเป็นทาสที่กษัตยริมุเกากิส ซึ่งช่วงนั้น ท่านนบีมูฮำหมัด (ซล) ได้ส่งจดหมายไปให้กษัตริย์อียิปต์เข้ารับอิสลาม แต่ถูกปฏิเสธ แต่ทางการกษัตยริมุเกากิสได้มอบพระนางมารียะฮ์ ผู้เป็นทาส ให้เป็นของกำนัลหรือของขวัญให้แด่ท่านนบี (ซล) นางเศร้าโศกเสียใจที่ต้องจากบ้านเกิดไปเสียแบบนี้ ทั้งนี้เพื่อเป็นการปลอบนางและปกป้องนาง ท่านนบีจึงแต่งงานกับนางและนางได้เข้ารับอิสลามในที่สุด ท่านนบีมูฮำหมัด (ซล) ได้อยู่ร่วมกับนางและได้สืบสกุลเพิ่มอีกหนึ่งคนนั่นก็คือ อิบรอฮีม บิน มูฮำหมัด (ซล)

อัลลอฮฺทรงประทานบุตรชายให้แก่ท่านนบีฯจากภรรยา ที่เป็นชาวคอปต์ (อียิปต์) ซึ่งภรรยาคนนี้ของท่านนั้น เป็นสตรีหนึ่งในสองคนที่ อาร์ตบิช็อป นิกายคอปติก ชาวคริสต์แห่งอเล็กซานเดรีย แห่งอียิปต์ที่ท่านส่งสารเชิญชวนให้มารับอิสลาม ได้ตอบรับโดยมอบ ทาสหญิงสองคนและล่อสีขาวมาให้ หนึ่งในสองคนของทาสหญิงนั้นท่านได้แต่งงานด้วย คือ มารีญะฮ์ และได้ยกย่องดูแลนาง ฐานะภรรยา

เกิดสุริยะคราสในวันสิ้นใจของลูกชายของท่านศาสดามูฮัมหมัด

ในวันที่ อิบรอฮีม ลูกชายของท่านนบี(ศาสนทูต)มูฮัมหมัดเสียชีวิตนั้น ได้เกิดสุริยะคราสขึ้น มุสลิมหลายคนต่างคิดว่ามันคือ ปาฏิหาริย์ พวกเขาต่างพูดและตีความกันไปในทำนองที่ว่า ดวงอาทิตย์นั้นโศกเศร้าเสียใจไปกับการสิ้นลมของลูกชายของท่านนบี เมื่อท่านนบีได้ยินเข้า ถึงแม้มันจะเป็นคำพูดที่ฟังดูดีประหนึ่งให้ความสำคัญต่อลูกชายที่ท่านรักยิ่ง อาจจะดูเหมือนไม่ใช่เรื่องเสียหายใดๆก็ได้หากท่านแกล้งทำเป็นไม่ใส่ใจกับคำพูดในแง่ดีเช่นนี้ และปล่อยให้เป็นเรื่องคล้ายกับปาฏิหาริย์อันเพิ่มศรัทธาแก่มุสลิมก็น่าจะได้หากคิดกันแบบผิวเผิน แต่ท่านนบีมิได้ปล่อยให้ความเชื่ออย่างผิดๆนี้ผ่านไปโดยไม่ตักเตือน ท่านได้มองหน้าคนที่กล่าวเช่นนี้ และพูดว่า

“ดวงอาทิตย์และดวงจันทร์คือเครื่องหมายของพระผู้เป็นเจ้า มันมืดไปมิใช่เพราะการเกิดการตายของใคร เพราะฉะนั้นเมื่อเห็นจันทรุปราคา หรือสุริยุปราคา ก็จงรำลึกถึงพระผู้เป็นเจ้า และหันมาหาพระองค์ด้วยการละหมาด(นมาซ)”