ความรู้ทั่วไปเกี่ยวกับซูเราะฮ์ในอัลกุรอ่าน บท “ซูเราะฮ์ อัล เกาษัร”

965

ซูเราะฮ์นี้ถูกประทานลามา ณ มักกะฮฺ มี 3 โองการ จัดอยู่ในประเภทซูเราะฮ์มักกียะฮ์และเป็นซูเราะฮ์ที่มีจำนวนอายะฮ์น้อยที่สุด

คำว่า “เกาษัร” มาจากรากศัพท์ของคำว่า “กัษรอต” มีความหมายว่ามากมาย

และฮาดิษต่างๆได้ให้ความหมายไว้ก็คือ “ความดีงามที่มากมายและล้นเหลือ” และ ความดีงามที่มากมาย มีหลากหลายด้วยกัน

ซึ่งท่าน ฟัครุดดีน อัรรอชี ได้กล่าวไว้ถึง 15 ประการดังนี้

1.คือ แม่น้ำแห่งหนึ่งในสรวงสวรรค์

2.คือ บ่อน้ำอัลเกาษัร

3.คือ ลูกหลานของท่านศาสดา(ศ)

4.คือ อุลมาอ์ของประชาชาติอิสลาม

5.คือ ความเป็นนบี

6.คือ อัลกุรอาน

7.คือ อัลอิสลาม

8.การมีผู้ปฎิบัติตามอย่างมากมาย

9.ความประเสริฐยิ่งของท่านศาสดา (ศ)

10.คือ การยกย่องสรรเสริญท่านศาสดา (ศ)

11.คือความรู้

12.คือมารยาทที่ดีงามของท่านศาสดา(ศ)

13.หมายถึงการให้ชะฟาอัต

14.เป้าหมายของอัลเกาษัร ก็คือซูเราะฮ์นี้

15.คือความโปรดปรานทั้งมวลของพระองค์อัลลอฮฺ (ซบ)

จะเห็นได้ว่าความหมายทั้งหมดนี้จัดอยู่ในประเภทของ”ความดีงามอันมากมาย” และ เป็นความหมายที่เหมาะสมกับ คำว่า เกาษัร และแน่นอนยิ่งจะต้องมีความหมายใดความหมายหนึ่งเท่านั้นที่เหมาะสมที่สุดกับซูเราะฮ์นี้.

“คุณลักษณะเฉพาะบางประการของ ซูเราะฮ์ เกาษัร”

ซูเราะฮ์เกาษัรเป็นซูเราะฮ์ที่สั้นที่สุดของ อัลกุรอาน มีความยาวหนึ่งบรรทัดของอัลกุรอาน มีคำอยู่ ประมาณ 10 คำ ถึงแม้จะเป็นซูเราะฮ์ที่สั้น และ มีจำนวนคำที่น้อยนิด แต่คำนามและคำกริยาคำที่อยู่ในซูเราะฮ์นี้ เป็นเอกลักษณ์เฉพาะที่มีอยู่ในซูเราะฮ์นี้เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็นคำว่า “อะอ์ฎอยนากะ” “อัลเกาษัร” ศ็อลลิ” ลิร็อบบิกะ” วันฮัร” ชานิอะกะ” วัลอับตัร” ซึ่งคำทั้งหลายเหล่านี้ล้วนเป็นคำที่มีคุณลักษณะพิเศษที่ปรากฎในซูเราะฮ์นี้เท่านั้น
โดยเฉพาะคำว่า “ร็อบบุกะ”ซึ่งมีปรากฎในอัลกุรอานมากถึง 242ครั่ง
แต่คำว่า “ลิร็อบบิกะ”มีปรากฎอยู่ในซูเราะฮ์นี้ซูเราะฮ์เดียวเพียงเท่านั้น

ชื่อของซูเราะฮ์นี้ นำมาจากโองการที่หนึ่ง (อัลเกาษัร) “ศัตรูของเจ้าต่างหากที่ไม่มีทายาทสืบทอด”.

ประชาชนชาวอาหรับในยุคนั้น ได้ยกย่องลูกชายเป็นอย่างมากและการมีบุตรชายนั้นถือว่า เป็นความภาคภูมิใจที่สุดของครอบครัว.

ท่านศาสดามูฮัมมัด ศ. มีลูกชายสองคนด้วยกัน คือ ท่าน กอซิม และ ท่านอับดุลลอฮ์ แต่ทั้งสองท่านได้จากโลกนี้ไป จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นทำให้ศัตรูมีความรู้สึกดีใจที่มันได้เกิดขึ้นกับท่านศาสดา ศ. และกล่าวว่า เมื่อศาสดามูฮัมมัด (ศ) ไม่มีลูกชาย ในไม่ช้าก็ไม่มีทายาทสืบสกุล ได้มีการกล่าวเยาะเย้ยทิ่มแทงท่านศาสดา ศ. ว่า เป็น “อับตัร” คือ ผู้ที่ไม่มีผู้ทายาทสืบสกุล แต่อัลลอฮ์ทรงเมตตาได้แจ้วข่าวดีแก่ท่านศาสดาว่า พระองค์จะประทานอัลเกาษัรให้ แต่ศัตรูต่างหากที่”อับตัร”ไม่มีผู้สืบสกุล

ดังนั้นวันเวลาผ่านไปหลายศตวรรษ จะเห็นว่าลูกหลานของท่านศาสดา ศ.มีมากมาย

“เกาษัร”คือ พระองค์อัลลอฮ ซบ. ได้ประทานบุตรหลานให้กับท่านนบีมูฮัมมัด ศ. ซึ่งเป็นบุตรหลานที่สืบเชื้อสายกันตลอดไปในทุกยุคทุกสมัย จะเห็นได้ว่ามีอะฮลุลบัยต์(อ)กี่ท่านแล้วที่เป็นชะฮีดแต่ปัจจุบันก็ยังมีพวกเขาอยู่ทั่วทุกมุมโลกในขณะที่ลูกหลานของตระกูลบนีอุมัยยะฮ์ไม่มีหลงเหลืออยู่ในโลกนี้เลย

بِسْمِ اللَّهِ الرَّحْمَنِ الرَّحِیم

إِنَّا أَعْطَیْنَاکَ الْکَوْثَرَ ﴿١﴾ فَصَلِّ لِرَبِّکَ وَانْحَرْ ﴿٢﴾ إِنَّ شَانِئَکَ هُوَ الأبْتَر.

ด้วยพระนามของอัลลอฮ พระผู้ทรงเมตตาปราณียิ่ง

1. แท้จริงเราได้ประทานอัลเกาษัรแก่เจ้าแล้ว มูฮัมมัด (ศ)

2.ดังนั้นเข้าจงนมาซเพื่อพระผู้อภิบาลของเจ้าและ จงเชือดสัตว์พลี

3.แท้จริงศัตรูของเจ้าต่างหากที่ไม่มีผู้สืบสกุล

แปลและเรียบเรียงโดย เชค อัสการีย์